จากครู (ผู้นำการเปลี่ยนแปลง) สู่ด็อกเตอร์

“ถ้าไปทำงานอื่น คงไม่ได้กลับมาแล้ว” เป็นเหตุผลว่าทำไม เมี่ยว -ศิรินทร์ ตั้งพรไพบูลย์ ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการผู้นำการเปลี่ยนแปลงรุ่นที่ 2 เมี่ยวมองว่าการเป็นครูผู้นำนั้น นอกจากจะได้ทำอะไรที่ท้าทาย และตอบโจทย์ความสนใจในการศึกษาส่วนตัวแล้วนั้น ยังเป็นการพัฒนาความเป็นผู้นำของตัวเองที่จะเพิ่มโอกาสในการก้าวกระโดดในอาชีพการงานในอนาคต ดังนั้น เมื่อจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะเศรษฐศาสตร์ ภาคอินเตอร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้วนั้น เธอจึงไม่ลังเลที่จะเข้าร่วมโครงการทันที

“ถ้าไปทำงานอื่น คงไม่ได้กลับมาแล้ว” เป็นเหตุผลว่าทำไม เมี่ยว -ศิรินทร์ ตั้งพรไพบูลย์ ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการผู้นำการเปลี่ยนแปลงรุ่นที่ 2 

 

เมี่ยวมองว่าการเป็นครูผู้นำนั้น นอกจากจะได้ทำอะไรที่ท้าทาย และตอบโจทย์ความสนใจในการศึกษาส่วนตัวแล้วนั้น ยังเป็นการพัฒนาความเป็นผู้นำของตัวเองที่จะเพิ่มโอกาสในการก้าวกระโดดในอาชีพการงานในอนาคต ดังนั้น เมื่อจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะเศรษฐศาสตร์ ภาคอินเตอร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้วนั้น เธอจึงไม่ลังเลที่จะเข้าร่วมโครงการทันที

เข้าใจนักเรียน เข้าใจครู เข้าใจระบบ เข้าใจปัญหาการศึกษาไทย

เวลา 2 ปีที่เมี่ยวได้ไปใช้ชีวิตใกล้ชิดกับนักเรียนและครูในโรงเรียนที่มีบริบทท้าทายนั้น ทำให้เมี่ยวมองอะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนไป ด้วยความที่เธอเป็นคนที่สู้และพยายามในการเรียนมาตลอด ก่อนเธอจะมาเข้าโครงการ เธอจึงเผลอใจด่วนตัดสินคนที่ไม่บรรลุเป้าหมายในการเรียนว่ายังพยายามไม่เพียงพอ แต่เมื่อเธอได้มาลองสัมผัสสิ่งแวดล้อม และเข้าใจข้อจำกัดของนักเรียนแล้วนั้น มันทำให้เธอเข้าใจว่าปัญหามันมีอะไรที่ลึกซึ้งและซับซ้อนกว่าที่เธอเคยจินตนาการ เธอเล่าว่าการที่เด็กคนหนึ่งไม่ตั้งใจเรียนอาจจะเป็นเพราะเขามีปัญหาที่บ้าน อาจจะต้องช่วยงาน ตอนเยี่ยมบ้าน เธอก็เจอว่าเด็กที่ต้องขาดเรียนเพราะเป็นมาลาเรีย เนื่องจากมีแหล่งน้ำใต้บ้าน หรือ การที่เด็กหนึ่งคนพูดจาไม่ดีกับเพื่อน อาจเป็นเพราะได้เรียนรู้มาจากการสื่อสารในชีวิตประจำวันของพ่อแม่ เป็นต้น

 

นอกจากนักเรียนแล้วนั้น เธอยังได้เห็นภาพและเข้าใจปัญหาในเชิงระบบมากขึ้นอีกด้วย “มันเห็นในมุมคนทำงาน และความท้าทายของครูในโรงเรียน ถ้าอ่านในข่าวเราจะเห็นว่าคะแนนต่ำแต่เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ทำแบบนั้น แบบนี้” แต่เมื่อเธอได้ลองเข้าไปทำงานใกล้ชิดกับครูในระบบแล้วนั้น ทำให้เธอรู้ซึ้งที่ภาระงานที่ครูหนึ่งคนต้องแบกรับนอกเหนือจากการสอนเพื่อให้เด็กสอบผ่านตามเป้าหมาย

ทักษะติดตัวตลอดชีวิตนี้

แต่นอกจากมุมมองใหม่ๆและความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาการศึกษาแล้ว เธอยังได้หลายทักษะที่เธอคาดหวังว่าจะส่งผลต่อการก้าวกระโดดในอาชีพการงานของเธอ เมี่ยวได้พัฒนาการจัดการเวลาเพราะครูคนหนึ่งมีหน้าที่อีกร้อยแปดนอกเหนือจากการสอนในห้องเรียน เธอได้รู้ว่าเทคนิคการทำให้ห้องเรียนเงียบและเทคนิคการทวนความเข้าใจของนักเรียน (Check for Understanding) นั้น สามารถนำไปใช้ในการเทรนนิ่งผู้ใหญ่ได้ไม่ต่างกัน และเธอได้เพิ่มความมั่นใจในการสื่อสารและการพรีเซ็นต์ซึ่งเป็นหน้าที่หลักในห้องเรียนของครูผู้นำที่ต้องทำเป็นชีวิตประจำวัน

     การวางแผนและจัดการเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เธอได้ติดตัวกลับมาจากการเป็นครูผู้นำ เพราะบทบาทของเธอนั้นมีภาระหน้าที่มากมาย การวางแผนและจัดการจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่ทำให้เธอสามารถบรรลุทุกอย่างตามเป้าหมายในระยะเวลา 2 ปี 

2 ปีสุดคุ้ม

เวลา 2 ปีสำหรับเหมี่ยวนั้นถือว่าสั้นและคุ้มค่า เพราะความเข้าใจในปัญหาการศึกษาและพัฒนาการของตัวเธอเองที่ได้จากการเข้าร่วมโครงการนั้น มีประโยชน์มหาศาลกับการไปสอบชิงทุนอนันทมหิดลในระดับปริญญาโทและการทำวิจัยในระดับปริญญาเอกเกี่ยวกับเรื่องคะแนน O-NET และ PISAเรามองว่าการทำนโยบายมักจะมองด้านบน ซึ่งประสบการณ์ทำให้เราได้เห็นปัญหาและภาพในพื้นที่มากขึ้น เราไปเก็บข้อมูลจากโรงเรียน กับ ผอ.เพิ่ม ประสบการณ์ทำให้เรา Frame ปัญหาได้ชัดขึ้น 2 ปีเป็นสารตั้งต้นของความสงสัยทำให้เราอยากแก้ปัญหาในระดับโรงเรียน และสงสัยว่าหลายๆโรงเรียนเจอปัญหาเหมือนกันไหมและแก้ยังไง สุดท้ายตัว research สรุปว่าโรงเรียน สพฐ. และ สาธิตมันมีระบบที่แตกต่างกันที่ส่งผลต่อผลลัพธ์ที่แตกต่าง รวมถึงมีเกณฑ์ที่แตกต่างกันซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาที่แตกต่างกันด้วย”

ปัจจุบันนี้เมี่ยวเป็นนักเศรษฐศาสตร์ศึกษา (Education Economist) ซึ่งเป็นสายที่กำลังโตแต่ไม่ได้มีคนทำเยอะ แม้เธอจะไม่ได้ทำการวิเคราะห์วิจัยเกี่ยวกับการศึกษาในประเทศไทยโดยตรง ณ ปัจจุบัน แต่เมี่ยวก็หวังอย่างยิ่งว่าจะมีโอกาสในการแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับการเก็บข้อมูลและวัดผลกระทบทางการศึกษาให้แก่เครือข่ายของเธอ เพื่อนำมาปรับใช้กับบริบทในประเทศต่อไป

งานแรกเพื่อทดลองและค้นหาตัวเอง

เมี่ยวมองว่าโครงการผู้นำการเปลี่ยนแปลงเหมาะกับการเป็นงานแรกของหลายๆคน โดยเฉพาะอย่างย่ิงคนที่มองหาความท้าทาย อยากทดลองสิ่งใหม่ๆ และสนใจด้านการศึกษาแต่ยังไม่ได้มีประสบการณ์หรือความรู้เพียงพอ หากสนใจและศึกษาทางด้านการพัฒนาเศรษฐกิจมานั้น โครงการนี้จะเปิดโอกาสให้ทดลองนำทฤษฎีในห้องมาปฏิบัติจริง หากสนใจทำวิจัย โครงการนี้ก็จะมีพื้นที่ให้ทำงานภาคสนามและเก็บข้อมูล ส่วนหากยังไม่รู้ว่าสนใจอะไร โครงการนี้ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการหาคำตอบเช่นกัน

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับการเปลี่ยนแปลงอนาคตการศึกษาไทย นักเรียนไทยนับร้อยและตัวคุณ ผ่าน ‘โครงการผู้นำการเปลี่ยนแปลง’ เป็นระยะเวลา 2 ปี ผ่านการสอน และ ทำงานร่วมกับเครือข่าย โรงเรียน ชุมชน ผู้ปกครอง 

สมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่…https://tft-fellowship.org