ทุกการ
เปลี่ยนแปลง
มีเรื่องราว

รวบรวมเรื่องเล่าจากห้องเรียน
โดยคุณครูทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ และสมาชิก
ในชุมชนของเรา ข่าวสาร และกิจกรรม

ทุกการ
เปลี่ยนแปลง
มีเรื่องราว

รวบรวมเรื่องเล่าจากห้องเรียน
โดยคุณครูทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ และสมาชิก
ในชุมชนของเรา ข่าวสาร และกิจกรรม

ทุกการ
เปลี่ยนแปลง
มีเรื่องราว

รวบรวมเรื่องเล่าจากห้องเรียน
โดยคุณครูทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ และสมาชิก
ในชุมชนของเรา ข่าวสาร และกิจกรรม

ติดตามข่าวสารการศึกษา

20 ชีวิตเล็กๆกับพันธกิจยิ่งใหญ่ที่จะยุติความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาไทย … Once And For All

ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาทำให้ทีมงานของมูลนิธิทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ต้องปรับตัวและ Work From Home กันจนเป็นเรื่องเคยชิน แน่นอนว่าในส่วนของผลการดำเนินงานนั้น ทุกทีมสามารถบรรลุเป้าหมายและสร้างผลกระทบให้แก่การศึกษาไทยได้อย่างน่าประทับใจ ทีมงานกว่า 20 ชีวิตนั่งจดจ่อหน้าจอคอมพิวเตอร์คู่ใจตั้งแต่เช้าจรดเย็น ด้วยความมุ่งมั่นหนึ่งเดียวคือการขับเคลื่อนครูผู้นำการเปลี่ยนแปลงกว่า 130 คนให้ส่งเสริมการศึกษาให้แก่นักเรียนเกือบ 20,000 คนทั่วประเทศไทยในปีที่ผ่านมา

บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP มอบเงินสนับสนุนมูลนิธิทีช ฟอร์ ไทยแลนด์เป็นจำนวน 250,000 บาท

ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่ผู้บริจาครายแรกของมูลนิธิทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ อย่างบริษัท PTTEP ยังคงยืนเคียงข้างเราในวันนี้ และให้การสนับสนุนโครงการผู้นำการเปลี่ยนแปลงเป็นจำนวนเงิน 250,000 บาท เมื่อเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา

เรื่องเล่าจากห้องเรียน

2 ปีที่แสนทรงพลังและคุ้มค่าเกินราคาค่าตัว

ระหว่างศึกษาอยู่ที่คณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทักทาย-อัฎฐ์ทิพร ประสาทไทย เดินสายเป็นครูอาสาตั้งแต่ปี 2 จนได้มาเจอครูพี่เลี้ยงท่านหนึ่งที่แนะนำให้เธอมาลองสมัครโครงการผู้นำการเปลี่ยนแปลง ทักทายผู้ซึ่งมีความฝันที่จะเป็นครูอยู่แล้ว จึงได้ทำความรู้จักกับโครงการตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนตอนจบปี 4 ซึ่งประจวบเหมาะกับช่วงเวลาที่มีโควิด-19 ทักทายจึงใช้เวลา 2 ปี ระหว่างที่เศรษฐกิจและอนาคตยังไม่แน่นอน ในการหาคำตอบร่วมกับมูลนิธิทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ ว่าความฝันของเธอที่อยากเป็นครูนั้น จะหยุดอยู่แค่การเป็นเพียงความฝันหรือไม่

ขยายเส้นขอบฟ้าของการเรียนรู้ สู่อนาคตที่กำหนดได้

“หลังจากเข้าไปคุยกับเพื่อนต่างชาติในแชท นักเรียนเริ่มเปิดใจและพยายาม เขาบอกว่าเพื่อนๆดูคุยกันสนุกมากเลย และบางคนก็เริ่มพูดว่าภาษาไม่ใช่กำแพง เขาได้มองภาษาในมุมใหม่ สร้างเพื่อนใหม่ สังคมใหม่” ครูเดีย - ธีรนันท์ ธีรเสนี ครูผู้นำการเปลี่ยนแปลงของ ทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ รุ่น 8 ได้สอนภาษาอังกฤษอยู่ที่โรงเรียนศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรีมา 1 ปีกว่า ในวันที่เธอใกล้จะจบจากการทำหน้าที่สอนในโรงเรียน 2 ปี เธอนึกย้อนไป และแบ่งปันคำจำกัดความประสบการณ์ใน ทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ ไว้ด้วยประโยคสั้นๆ

ครูผู้นำนักฟังที่พร้อมจะยืนเคียงข้างนักเรียนโดยไม่ด่วนตัดสิน

ในช่วงปีสุดท้ายที่คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั้น ฝ้าย-ชนันญา น้อยสันเทียะ ได้ไปฝึกงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณครู แต่หลังจากลองฝึกงานได้สักพัก ฝ้ายรู้สึกว่าก่อนที่จะไปพัฒนาครูนั้น ฝ้ายต้องเข้าใจก่อนว่าวันๆคุณครูทำอะไรกันบ้าง แล้วนักเรียนเป็นอย่างไรอยู่แล้วบ้าง ประจวบเหมาะกับการที่ได้ฟังข้อมูลโครงการผู้นำการเปลี่ยนแปลงจากศิษย์เก่าโครงการ ฝ้ายจึงรู้สึกว่าโครงการนี้ตอบโจทย์ ฝ้ายจึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการของมูลนิธิทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ในฐานะครูผู้นำรุ่นที่ 8

รับฟังจากใจจริง เพื่อชุบชีวิตเป้าหมายในตัวนักเรียน

“อาจารย์ ผมยังไม่อยากออกจากโรงเรียนตอนนี้ ผมยังอยากสนุกกับเพื่อนๆ และอยากเรียนอยู่ ถ้าผมออกจากโรงเรียนผมก็จะไม่มีใครคุยด้วย ไม่มีใครเล่นด้วย” เสียงสะท้อนจากนักเรียนคนหนึ่งที่มีเรื่องชกต่อยกับเพื่อน ดังเข้าหูครูกิ่ง ครูผู้นำการเปลี่ยนแปลงของ Teach For Thailand ที่สอนภาษาอังกฤษอยู่ที่โรงเรียนหนองใหญ่ศิริวรวาทวิทยา* จังหวัดชลบุรี นักเรียนคนนี้เข้าห้องปกครองเพราะเรื่องชกต่อยอยู่บ่อยครั้ง แต่แม้ใครๆจะเห็นว่าเด็กคนนี้เกเร เมื่อครูกิ่งมองไปที่เขา เธอกลับเห็นเด็กที่ขาดความใส่ใจจากเพื่อน ครู และผู้ปกครอง

ครูผู้นำที่อยากสร้างการเปลี่ยนแปลงมากกว่าแค่ในห้องเรียน

พร-ภัทรานิษฐ์ ฤทธิแสง ใช้เวลาเพียง 3 ปีครึ่งในรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก่อนที่จะได้รับปริญญาตรีจากคณะรัฐศาสตร์มาครอบครอง ด้วยความที่เรียนจบเร็วกว่าคนอื่น พรจึงได้มีโอกาสได้ไปลองทำงานบริษัท แต่ไม่นาน พรก็ค้นพบว่าโลกในมหาวิทยาลัยกับโลกในการทำงานนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

คุณค่าของ “ประสบการณ์” จากโครงการผู้นำการเปลี่ยนแปลง

ในช่วงปี 4 ก่อนที่จะเรียนจบ ก้านตองได้มีโอกาสไปสอนพิเศษให้กับน้อง ๆ แถวบ้านที่จังหวัดนครปฐม จากความตั้งใจแรกที่เพียงอยากไปลองหาประสบการณ์ ก้านตองกลับชื่นชอบการสอนอย่างจริงจัง จึงเริ่มต้นหาช่องทางที่จะเป็นครู ประกอบกับที่ก้านตองเองเป็นคนที่ชอบทำกิจกรรมจิตอาสามาก ๆ ทำให้ได้เคยไปออกค่ายอาสาต่าง ๆ จึงได้เห็นความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษาของสังคมไทยที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น นี้เป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันที่ทำให้อยากลองมาเป็นครู เพื่อที่จะหาช่องทางในการช่วยพัฒนาสังคมไทยและชุมชนของตนเอง จนได้มาพบกับโครงการผู้นำการเปลี่ยนแปลงของมูลนิธิทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ ที่เปิดโอกาสให้เด็กคณะวิทย์อย่างก้านตองได้มาลองสนามจริงผ่านบทบาท “ครู” เป็นเวลาเต็ม ๆ ถึง 2 ปี