ความประทับใจของคุณแม่วีรยา อินทร์เพ็ญ ผู้ปกครองของ ‘แพรว’ ด.ญ. พรนภา เฝ้าหาผล นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนพระบางวิทยา จังหวัดนครสวรรค์ ต่อ ‘ครูไตเติ้ล’ จีรัสถ์ ผาสุข ครูผู้นำการเปลี่ยนแปลงรุ่นที่ 10 ในฐานะครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ของลูกสาว

ถึงจะไม่ได้อยู่กับลูกที่โรงเรียน แต่คุณแม่ก็สัมผัสได้ว่าตั้งแต่น้องแพรวได้เรียนกับครูไตเติ้ล ลูกมีผลการเรียนที่ดีขึ้นและสนุกกับการเรียน
“สิ่งที่ประทับใจในตัวครูเติ้ลมากคือ เขาเป็นคนมีมารยาท เขาให้เกียรติทุกคน”
เพราะเด็กคนหนึ่งจะเดินไปสู่เป้าหมายที่เขาตั้งใจไว้ บ้าน โรงเรียน และตัวเด็กต้องช่วยกัน แล้วสำหรับคุณแม่ ครูก็ไม่ใช่ผู้สอน แต่เป็นแรงบันดาลใจและกำลังใจสำคัญ ที่ทำให้เด็กคนหนึ่งกล้าฝันและกล้าลงมือทำเพื่อให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เขาอยากเป็น
ครูที่เข้าใจลูกของแม่
ความสุขของคุณแม่วีรญาวันนี้ คือ การเห็นลูกมีความสุข
“ไม่อยากให้ครูเติ้ลไปไหนเลย ถ้าลูกเราแฮปปี้ พ่อแม่ก็แฮปปี้” คุณแม่บอกแบบนั้น
แล้วหนึ่งในความสุขของ ‘แพรว’ ด.ญ. พรนภา เฝ้าหาผล ลูกสาวและนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนพระบางวิทยา ก็คือ การเรียนวิชาคณิตศาสตร์กับคุณครูไตเติ้ล คุณครูผู้นำการเปลี่ยนแปลงรุ่นที่ 10 ของทีช ฟอร์ ไทยแลนด์
ห้องเรียนของครูไตเติ้ลตามคำบอกเล่าของคุณแม่และนักเรียน ไม่ใช่ห้องเรียนที่ครูจะสอนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการมอบความมั่นใจให้ผู้เรียนกล้าคิด กล้าถาม และกล้าตอบ ไม่กลัวผิดพลาด
หลังเรียนด้านสังคมสงเคราะห์ ครูไตเติ้ลสมัครเป็นครูผู้นำการเปลี่ยนแปลง เพราะอยากเข้าใจเด็กให้ลึกซึ้งขึ้น ในคาบแรก ๆ เขาจึงเปิดเวทีให้เด็กแนะนำตัวและละลายพฤติกรรม ก่อนจะเริ่มสอนจริง ซึ่งช่วยให้เด็กสนุกและรักคณิตศาสตร์มากขึ้น

“บรรยากาศตอนเรียนสนุกค่ะ ครูเติ้ลอธิบายดี ทำให้กล้าถามกล้าตอบมากขึ้น” แพรวบอก
ครูไตเติ้ลบอกว่า เทคนิคสำคัญของเขาไม่ใช่การบอกสูตร แต่เป็นการแปลภาษาวิชาคณิตศาสตร์ที่เข้าใจยากให้เป็นคำง่าย ๆ ที่เด็กเข้าใจและเข้าถึงได้
“เนื้อหาส่วนใหญ่ เติ้ลจะย่อยให้ง่ายที่สุด ใช้คำที่ไม่เป็นภาษาทางคณิตศาสตร์ เหมือนมีซับไตเติ้ลช่วยอีกที คล้ายการแปลไทยเป็นไทย”
สำหรับเด็กคนหนึ่ง เขาอาจไม่ได้ต้องการของขวัญชิ้นใหญ่ แต่ต้องการครูที่เข้าใจ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
และเมื่อครูเข้าใจ สิ่งที่ตามมาไม่ใช่แค่รอยยิ้มในห้องเรียน แต่ยังสะท้อนให้เห็นชัดในผลการเรียนของเด็ก ๆ ด้วยเช่นกัน

ผลลัพธ์ที่สร้างการเปลี่ยนแปลง
ทุกคาบก่อนเริ่มเรียน ครูไตเติ้ลจะทบทวนบทเรียนต่าง ๆ ย้ำจุดสำคัญ แล้วจึงเริ่มเรียนเนื้อหาสำคัญของวันนั้น ๆ
คุณแม่พรนภาบอกว่า ที่ผ่านมาลูกมีผลการเรียนที่ดี แต่คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่แพรวไม่ถนัด แต่พอลูกเรียนกับครูไตเติ้ลคะแนนก็เริ่มดีขึ้นจนอยู่อันดับต้น ๆ ของชั้นเรียน จึงไม่แปลกที่ทั้งแม่และแพรวจะไม่อยากให้ครูไตเติ้ลย้ายไปไหน
“คุณแม่ไม่คิดว่าเขาจะทําได้ เพราะว่าเขาไม่ค่อยชอบเรียน คณิตศาสตร์เท่าไหร่ แต่ว่าเขามาถึง Top10 ได้เกือบร้อยคะแนนเต็มก็เป็นคะแนนที่เราภูมิใจว่าลูกเราทําได้”
สำหรับครูไตเติ้ลเอง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นไม่เพียงเติมเต็มความสุขให้เด็ก ๆ แต่ยังกลายเป็นพลังใจสำคัญ ที่ทำให้เขาเชื่อมั่นในเส้นทางและความตั้งใจของตัวเองในฐานะครู
มากกว่าผลการเรียนและคำชม วันนี้ความสุขของครูไตเติ้ล คือ การเห็นนักเรียนของเขาค่อย ๆ ค้นพบตัวเอง ทั้งสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ แต่อย่างน้อยก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาพบคำตอบว่า เป้าหมายในชีวิตของเขาคืออะไร
“เราไม่ได้ต้องการให้เด็กประสบความสำเร็จแบบยิ่งใหญ่ แต่ขอให้เขารู้ว่าชอบอะไร ตอบได้ว่าอยากเป็นอะไร และเห็นแนวทางพัฒนาตัวเองในอนาคต”
ขณะเดียวกัน ห้องเรียนไม่เพียงเปลี่ยนผลการเรียนของน้องแพรว แต่ก็ทำให้ครูไตเติ้ลค้นพบอนาคตที่เขาอยากจะเป็นด้วยเช่นกัน
“ประสบการณ์กับทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ ทำให้เราเข้าใจพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัย และเป็นแรงบันดาลใจให้อยากกลับไปทำงานสังคมสงเคราะห์ที่เรียนจบมา ทำให้มองเห็นภาพอนาคตว่าเราจะไปทำงานตรงจุดไหนของสังคม”
แต่ก็ไม่ใช่แค่หน้าที่ครูและโรงเรียนอย่างเดียว
ความสำเร็จของเด็กไม่ได้เกิดจากครูหรือโรงเรียนเพียงลำพัง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือของครอบครัว ครู และตัวเด็กเอง ครูไตเติ้ลเชื่อว่า แม้โรงเรียนจะเป็นพื้นที่เรียนรู้หลัก แต่เสาหลักสำคัญของชีวิตเด็กยังคงเป็นครอบครัวเสมอ
“ทฤษฎีอาจบอกว่าพื้นฐานครอบครัวและสิ่งแวดล้อมหล่อหลอมเด็ก แต่ไม่เสมอไป บางคนเติบโตมาในสภาพไม่พร้อมก็ยังพัฒนาตัวเองได้ หรือบางคนได้รับการซัพพอร์ตเต็มที่ แต่กลับไม่ได้เป็นไปตามความคาดหวัง”
“เหมือนเราเห็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง แต่ใต้น้ำยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เราไม่รู้”
คุณแม่วีรญาเองก็เห็นตรงกันว่า เด็กจะไปถึงเป้าหมายได้ ต้องอาศัยแรงผลักจากทั้งครูและผู้ปกครอง
“ลูกเราจะเก่ง ลูกเราจะดี ไม่ใช่หน้าที่ของครูทั้งหมด ผู้ปกครองก็มีส่วนด้วย เด็กก็มีส่วนด้วย คุณครูก็มีส่วนด้วย ครู 50% ผู้ปกครอง 50% ที่จะช่วยกันผลักดันให้เด็กไปถึงเป้าหมาย”
คำกล่าวที่นักการศึกษาหลายคนบอกว่า เลี้ยงเด็กคนหนึ่งต้องใช้คนทั้งหมู่บ้าน คงไม่ใช่คำกล่าวเกินจริง เพราะเรื่องการศึกษาไม่ใช่เรื่องของใครคนหนึ่ง แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคน
ร่วมสนับสนุนภารกิจของทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ได้ที่ info@teachforthailand.org
